รีวิวซีรีส์เกาหลี : Tunnel (2017)

สามารถรับชม Tunnel (OCN/2017) ได้ทาง : VIU Tunnel

รีวิวซีรีส์เกาหลี สืบสวนที่แม้จะเล่าเรื่องราวแบบพล็อตเหนือธรรมชาติ แต่ส่วนที่ผมชอบในเรื่องนี้ก็คือ ความน่าเชื่อถือของตัวละคร บทและ Crime Scene นี่แหละที่ซีรีส์ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

ในปี 1986 เกิดคดีฆาตกรรมหญิงสาวหลายรายขึ้นในเมืองฮวายอง พัคกวางโฮ (Choi Jin-Hyuk) นักสืบในคดีพยายามทำทุกทางเพื่อสืบหาตัวคนร้าย แต่ไม่ว่ายังไงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เคยได้เบาะแสอะไรเลย ผู้ต้องสงสัยเพียงรายเดียวที่ กวางโฮ สงสัยมากที่สุดเป็นเพียงเด็กนักเรียนม.ปลาย แต่เขากลับรอดการถูกดำเนินคดีไปได้ เพียงเพราะคำให้การของครอบครัวที่ยืนยันที่อยู่ขณะเกิดเหตุฆาตกรรม

ขณะที่ กวางโฮ ออกมาเดินลาดตระเวนหาเบาะแสของคนร้ายกลางดึก ผ่านเส้นทางที่เหยื่อเคยใช้มาก่อน เขาสังเกตเห็นถึงความผิดปรกติบางอย่างในอุโมงค์ทางเข้าเมือง สิ่งที่เขาเห็นคือชายคนหนึ่งกำลังทำท่าทางประหนึ่งกำลังรัดคอใครบางคน กวางโฮ จึงมั่นใจว่าชายที่เขาเห็นในมุมมืดตรงหน้า คือคนร้ายที่กำลังตามหาแน่นอน รีวิวหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น

คนร้ายที่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกจับได้จึงออกวิ่งหนีเข้าไปในอุโมงค์ กวางโฮ ที่วิ่งไล่ตามเข้าไปยังไม่ทันได้เห็นหน้าคนร้ายกลับเสียท่าถูกตีจนสลบ ทันทีที่ฟื้นขึ้นมา กวางโฮ เดินออกมายังปลายอุโมงค์ ทว่านั่นไม่ใช่ที่ที่เขาคุ้นเคย เมื่อปลายทางของอุโมงค์แห่งนั้น พาเขามายังอนาคตปี 2016 ปีที่คนร้ายในคดีเมื่อ 30 ปีก่อนยังไม่ถูกจับ และตอนนี้มันได้กลับมาก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอีกครั้ง

ซีรีส์ สืบสวน ระทึกขวัญ ที่ออกจะแตกต่าง จากซีรีส์สืบสวนเกาหลีที่ได้ดูก่อนหน้าเล็กน้อย อย่าง Black ก็เห็นการหักมุมความซับซ้อนของบท Voice ทั้งสองซีซั่นก็เน้นที่การสร้างความตื่นเต้นจากสถานการณ์คับขัน ส่วน Signal เน้นดราม่าที่ข้อจำกัดการเปลี่ยนแปลงอดีตและอนาคต ส่วน Tunnel เรื่องนี้แม้จะเป็นซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับการข้ามเวลา การเชื่อมโยงกันระหว่างอดีตและอนาคต แต่ซีรีส์ไม่ได้เน้นประเด็นข้อจำกัดเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงอดีตและอนาคต คือแทบไม่ได้แตะเรื่องนี้เลย

สิ่งที่โดดเด่นของ Tunnel เรื่องนี้ก็คือบท ที่หากให้พูดตรง ๆ คือ อาจจะไม่สนุก ตื่นเต้น เท่ากับเรื่องที่กล่าวมาด้านบนทั้งหมดก็จริง เมื่อ Tunnel ไม่ได้เน้น ความตื่นเต้นระทึกขวัญจากสถานการณ์คับขัน และเนื้อเรื่องไม่ได้ขายความซับซ้อน แต่สิ่งที่ทำให้บทของ Tunnel เรื่องนี้แข็งแรงกว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาก็คือ รายละเอียดและความน่าเชื่อถือของตัวละคร เมื่อเป็นซีรีส์ที่ดูใส่ใจฉาก crime scene

มีการเก็บรายละเอียดกันจริงจัง เอาที่เห็นได้ชัดเลยคือ ใส่ถุงมือสวมถุงเท้ากันจริง ๆ กับซีรีส์หรือหนังบางเรื่องเห็นเดินลุยเข้าที่เกิดเหตุเอามือเปล่าหยิบจับหลักฐาน ถ้าเป็นเรื่องจริงสถานที่เกิดเหตุปนเปื้อนหมด แล้วตัวละครมีการลงพื้นที่สืบสวน ให้รายละเอียดการเชื่อมโยงข้อมูลมาวิเคราะห์ จนคนดูเห็นภาพตามการสืบสวนไปด้วยได้จริง ๆ ไม่ได้ใช้โชคดวง ลมเพลมพัด ความเหนือธรรมชาติ ใช้บทช่วยแบบฟลุ๊ค ๆ เหมือนกับเรื่องอื่น

แต่ถามว่ามันมีความไม่น่าเชื่อถืออยู่ไหมกับซีรีส์เรื่องนี้ มันก็ยังมีเจืออยู่บ้างกับความเป็นซีรีส์เหนือธรรมชาติ หรือความไม่สมเหตุผลของการที่ พัคกวางโฮ เข้ามาร่วมทีมสืบสวนโดยการสวมรอยเป็นคนอื่น แล้วไม่มีใครสงสัยในทีแรก แต่หากเจาะเฉพาะรายละเอียดย่อยที่ไม่ใช่เนื้อหาหลัก ก็ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้บทแข็งแรงดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะ แต่อย่าเห็นว่าผมชมเรื่องบทแข็งแรงดีแล้วจะไม่มีส่วนที่ไม่ถูกใจนะ

รีวิวซีรีส์เกาหลี เมื่อสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมันถึงเพียงแค่ EP 11 เท่านั้น เพราะหลังจากที่คดีย่อยที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องหลักจบหมดไปแล้ว เข้าเนื้อหาของฆาตกรตัวจริงเต็มๆ ซีรีส์ก็เริ่มยัดดราม่าเข้ามา เริ่มมีฉากโชคชะตา ลมเพลมพัด ความบังเอิญต่าง ๆ จนเริ่มแอบขัดใจเล็ก ๆ ฮ่าฮ่า ถ้าจะให้ยกตัวอย่างฉากแนวนี้ก็อย่างเช่น เวลาตัวละครจะบอกความลับ เรื่องสำคัญต่อกัน มักจะอารัมภบทไม่พูดออกมาสักที

จนสุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้บอก (ใน Signal ฉากแนวนี้เยอะมาก) หรืออย่างเวลาตัวละครเอกได้เผชิญหน้ากับตัวละครร้าย ก็มักน้ำลายแตกฟองกว่าจะลงมือจับได้คุยกันอยู่นั่นแหละ แล้วสุดท้ายตัวร้ายก็หนีรอดไปได้ เข้าใจแหละว่ามันเป็นน้ำจิ้มเพิ่มอรรถรสของหนังหรือซีรีส์ ถ้าหากมีแต่พอดีผมก็ว่าเพิ่มความบันเทิงได้ แต่หากใส่เข้ามาเยอะเกินไปผมว่ามันทำให้ลดความสนุก แล้วก็ลดความน่าเชื่อถือของบทลงไปด้วย

ตัวละครเอกสามคนอย่าง พัคกวางโฮ, คิมซอนแจ (Hyun-min Yoon), ชินแจยี (Yoo-Young Lee) ก็คาแรคเตอร์แข็งแรงทั้งสามคน ชเวจินฮยอก ก็แสดงเป็น พัคกวางโฮ ได้สมกับเป็นตำรวจที่มาจากยุค 80s จริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่แง่มุมความเด๋อด๋ากับสิ่งแปลกใหม่ แต่รวมถึงแง่มุมการสืบสวนสอบสวน ที่บางอย่างการใช้วิธีดั่งเดิมมันก็ยังได้ผล แต่วิธีดั่งเดิมบางอย่าง(อย่างการอัดผู้ต้องหา)มันก็ไม่สามารถใช้ได้กับการสืบสวนในปัจจุบัน ยุนฮยอนมิน ก็เป็น คิมซอนแจ ที่มุ่งมั่นสมกับการที่บทปูพื้นเบื้องหลังของตัวละครนี้มา

เรียกว่าแรงขับดันในการหาตัวคนร้ายของ คิมซอนแจ อาจจะมากกว่า พัคกวางโฮ เสียด้วยซ้ำ ส่วน อียูยอง ที่รับบทเป็น ชินแจยี เอาจริงสารภาพว่าเห็นตัวละครนี้ในทีแรก เป็นตัวละครที่แข็งทื่อไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย แต่พอดำเนินเรื่องราวไปได้สักพัก เริ่มเปิดเผยปูมหลังของตัวละครนี้ออกมา ทัศนคติที่มีต่อตัวละครของผมก็เริ่มเปลี่ยนไปนะ เริ่มมองเป็นบวกมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะยังดูแข็ง ๆ อยู่ก็เถอะ ฮ่าฮ่า

Tunnel เรื่องนี้ก็เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่หยิบเอาคดีดังของเกาหลีอย่าง Hwasong Murder Case คดีฆาตกรรมต่อเนื่องผู้หญิงในเมืองฮวาซอง Cold Case ที่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่ง Tunnel หยิบมามาใช้เป็นเส้นเรื่องหลักในการหาตัวคนร้าย เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น ฮวายอง แทน ทั้งยังสื่อสารแง่มุมใจความหลักในเรื่องของความรู้สึกเหยื่อและครอบครัว การจับคนร้ายสำคัญก็จริง แต่การช่วยชีวิตเหยื่อให้รอดอาจเป็นสิ่งสำคัญกว่า ทั้งยังแอบให้ความสำคัญกับคำว่า ครอบครัว ไม่ว่าจะเรื่องราวของตัวละครเอกทั้งสามคน เหยื่อและครอบครัว รวมถึงตัวฆาตกรของเรื่องอีกด้วย

สรุปแล้ว Tunnel (OCN/2017) TV Series เป็นซีรี่ส์ที่สนุกเรื่องหนึ่ง แต่ขอจำกัดความว่าเป็นความสนุกในแง่มุมของการสืบสวน พยายามจับตัวคนร้าย แต่ไม่ใช่แง่มุมความเป็นทริลเลอร์ ตื่นเต้น ระทึกขวัญ สักเท่าไหร่ เมื่อซีรีส์ไม่ได้สร้างข้อจำกัดอะไรให้กับตัวละคร จนคนดูต้องนั่งลุ้นตัวเกร็งอะไรขนาดนั้น เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่บทพูดค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวผมเองชอบในความแข็งแรงของบท เอาจริงมองเป็นบวกมากกว่าซีรีส์สืบสวนเกาหลีก่อนหน้าที่เคยดูด้วยซ้ำ ถึงความบันเทิงจะน้อยกว่าก็เถอะ

ซีรีส์ Tunnel หรือชื่อภาษาไทยว่า อุโมงค์ลับซ่อนมิติ เป็นซีรีส์เกาหลีแนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ เป็นเรื่องราวของตำรวจสายสืบในปี 1986 ชื่อว่า พัคกวางโฮ (นำแสดงโดย ชเวจินฮยอก) ขณะที่เขากำลังวิ่งไล่หัวขโมย ก็บังเอิญไปพบศพหญิงสาวข้างทางถูกปิดปากและรัดด้วยถุงน่อง และมีรอยจุดที่ข้อเท้า 1 จุด หลังจากนั้นก็พบศพหญิงสาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่จำนวนจุดบนข้อเท้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน จาก 1 เป็น 2 จนเป็น 6 นั่นทำให้ทีมตำรวจสายสืบรู้ได้ทันทีว่า พวกเขากำลังเจอคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องนั่นเอง ซึ่งฆาตรกรคนนี้เก่งมาก เขาฆ่าคนโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เลย ทำให้ตำรวจหัวหมุนกันเลยทีเดียว แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำพัคกวางโฮเจอตัวฆาตรกรในอุโมงค์แห่งหนึ่ง แต่พัคกวางโฮไม่สามารถจับกุมได้ แถมยังโดนฟาดหัวด้วยก้อนหิน ก่อเกิดจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้

พัคกวางโฮฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในยุค 2016 ซึ่งผ่านมาแล้ว30ปี ทั้งๆที่ตัวเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย พอเขากลับไปยังสถานีที่เขาทำงาน พบว่ารุ่นน้องที่เคยทำงานด้วยกันกลายเป็นหัวหน้าทีมสายสืบไปเสียแล้ว ประจวบเหมาะกับมีรุ่นน้องเข้ามาทีมสายสืบและมีชื่อว่า พัคกวางโฮ เช่นกัน! พัคกวางโฮคนเก่าเลยสวมรอยเป็นพัคกวางโฮคนใหม่ โดยที่พยายามสืบหาว่าพัคกวางโฮตัวจริงนั้นหายไปอยู่ไหน นอกจากนั้นเขาได้พบว่าฆาตรกรในคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องในปี1986ที่เขาตามล่ายังไม่ถูกจับกุม และคดีหมดอายุความไปแล้วด้วย

การเดินทางข้ามเวลาทำให้เขาได้พบกับคู่หู คือ คิมซอนแจ (นำแสดงโดย ยุนฮยอนมิน) ที่มีนิสัยคล้ายๆกับพัคกวางโฮ เรียกได้ว่า คู่สร้างคู่สม นอกจากนี้ยังได้ศาสตราจารย์ชินแจอี (นำแสดงโดย ลียูยอง) นักวิเคราะห์ฆาตรกร มาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด ซีรีส์นี้ซ่อนปมต่างๆมากมาย การเดินทางข้ามเวลามาของพัคกวางโฮ สาเหตุที่เขาข้ามเวลามา และวิธีการที่ทำให้เขาได้กลับไป ฆาตรกรที่ยังไม่ถูกจับกุม และยังมีคดีต่างๆอีกมากมาย ตามไปเอาใจช่วยพัคกวางโฮ และทีมของเขา ได้ในซีรีส์ tunnel รับชมได้ทาง viu , netflix และกล่อง true id TV นะคะ

Comments