A World of Married Couple เป็นซีรีส์รักดราม่าจากเกาหลีใต้ที่รีเมคจากซีรีส์ชื่อ Doctor Foster เล่าเรื่องราวของแพทย์หญิง ‘ซอนอู’ ที่เพิ่งค้นพบว่าสามีทำตัวแปลกๆ และมีพิรุธ ทำให้เธอเริ่มตามสืบเรื่องราวต่างๆ ก่อนจะค้นพบว่าสามีนอกใจเธอไปพบกับสาวคนหนึ่งมานาน นั่นทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตคู่ตอนนี้ เพราะการตัดสินใจจะส่งผลต่อทั้งชีวิตเธอ ชีวิตสามี ชีวิตลูกชาย และสังคมรอบข้างเธอด้วย รีวิวหนังเอเชียเก่าและใหม่
ด้านเนื้อเรื่องสำหรับเรื่องนี้ถือเป็นซีรีส์ที่ต้องชื่นชมว่าสุดยอดมากครับ เกือบจะทุกด้านของการเล่าเรื่องอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมากๆ ถือเป็นซีรีส์ผัวๆ เมียๆ (และครอบครัว) ที่นำเสนอว่าทุกคนทุกคู่ต่างมีปัญหาเรื่องความรัก มีปัญหาเรื่องคู่ชีวิตพอกันหมดที่ทำออกมาได้ดีมากๆ ในแง่ของบท การเก็บรายละเอียดต่างๆ บทของซีรีส์เรียกว่าเก็บเนี๊ยบเกือบทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับตัวละครทั้งหลาย ไล่ไปตั้งแต่ความมีมิติ นิสัยของแต่ละคนที่มีทั้งดีและไม่ดีไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หน้าที่ที่เขาต้องทำ การตัดสินใจกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า หรือแม้แต่หน้าตาทางสังคม หลายอย่างรวมกันทำให้แต่ละตัวละครมีมิติที่น่าสนใจ ยิ่งพอซีรีส์เรื่องนี้ลำดับเรื่องได้ดีมาก ทุกฉากทุกตอนจะต้องมีความพลิกผันเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับมุมมองส่วนตัวของแต่ละตัวละครที่มักจะมีข้อมูลไม่ครบ มองไม่รอบด้าน มันจึงทำให้เราหลงทิศหลงทางไปหมดว่าใครเป็นคนดีคนไม่ดี ความสัมพันธ์ของใครเป็นยังไงกันแน่ ใครเป็นฆาตกรหรือเกิดเหตุการณ์อะไรจริงๆ ขึ้น มันยิ่งทำให้เนื้อเรื่องสนุก และพอจะมีอะไรให้ชมต่อไปเรื่อยๆ ได้
คือถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยซีรีส์นี้เหมือนละคร ‘เมียหลวง’ (ผมเคยดูแต่เวอร์ชั่นที่ พี่ป๊อก ปิยธิดา เล่นนะครับ) ของบ้านเราเลยครับ เหมือนในแง่เล่าเรื่องของเมียหลวงเมียน้อยตีกัน แบบพยายามแย่งชิงสิ่งนั้นสิ่งนี้กันด้วยวิธีการต่างๆ นานา และเล่าเรื่องของชีวิตครอบครัวที่ไม่ง่าย เต็มไปด้วยความเจ็บปวดภายใน และมีความรักเคลือบอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าเนื้อหาหลายอย่างมีความแตกต่างกัน ในแง่ของการที่ตัวเอกมีลูกผูกมัด ในแง่ของปัญหาผัวๆ เมียๆ ที่ส่งผลกลายเป็นสงครามของเหล่าวสมาคมแม่บ้านย่อมๆ ประมาณนั้น ซึ่งส่วนขยายหลายอย่างก็ทำให้เรื่องพีคและวุ่นวายมากขึ้น เห็นหลายอย่างชัดเจนขึ้น แต่ท้ายที่สุดประเด็นก็คือเรื่องผัวๆ เมียๆ เหมือนเดิม
การแสดงสำหรับเรื่องนี้ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับส่วนอื่นๆ นักแสดงทุกคนเล่นได้หลากอารมณ์หลากมิติมาก ความพลิกผันของเรื่องทำให้การนำเสนออารมณ์ของนักแสดงแต่ละคนนั้นหลากหลาย และการที่นักแสดงแต่ละคนเสนออารมณ์ที่แตกต่างในหลายฉากได้ดีก็ยิ่งทำให้เราอินกับเนื้อเรื่องได้มากขึ้น ไล่ไปตั้งแต่นักแสดงนำจนถึงตัวประกอบที่โผล่มาไม่กี่ฉาก นักแสดงแต่ละคนก็นำเสนอความเป็นมนุษย์ได้ชัดเจน ทำให้เนื้อเรื่องไม่จืด โดดเด่นหน่อยก็คงหนีไม่พ้นผู้รับบทเมียน้อยอย่าง ‘ฮันโซฮี’ ตามมาด้วยสามีที่ไม่เอาไหนที่รับบทโดย ‘พัคแฮจุน’ และที่ต้องยกนิ้วโป้งให้สักสิบนิ้ว มอบโล่ทองให้สักร้อยใบก็คงหนีไม่พ้นบทคุณแม่ บทภรรยาหลวง และบทแม่ม่ายอมทุกข์ของเรื่องที่รับบทโดย ‘คิมฮีแอ’ ในวัย 54 ปี นี่แหละ ไม่มีคำจะบรรยายกับการแสดงของเธอคนนี้ ลองเข้าไปพิสูจน์เองในซีรีส์ดีกว่าครับ
การเล่าเรื่องด้วยภาพเรื่องนี้ก็ดีมาก อย่างที่กล่าวไปคือตัวเอกเป็นคนใส่ใจรายละเอียด และผู้หญิงแทบทุกคนในเรื่องก็คิดเล็กคิดน้อยไม่ต่างกัน การใส่ใจในการเน้นรายละเอียดเหมือนที่ตัวละครเอกเป็นคนช่างสังเกตด้วยภาพจึงถูกใช้อย่างมากในซีรีส์นี้ และมันก็ช่วยเล่าเรื่องได้ดี ด้วยการเน้นในแต่ละจุด (โคลสอัพ) เหมือนเน้นเข้าไปให้เห็นลึกถึงในจิตใจผู้หญิง เวลาเธอสังเกตอะไร ไม่ว่าตอนที่เห็นเส้นผมย้อมสีแดงติดอยู่บนเสื้อสามี หรือการเน้นสายตาตอนที่ตัวละครสังเกตเห็นว่าคนใกล้ตัวกำลังโกหก หากคุณดูอย่างใส่ใจ ทุกช็อตทุกฉากมีการเน้นที่ดีของมัน และทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้ดี
จุดบอดของซีรีส์นั้นก็พอจะมีบ้าง อย่างแรกเลยก็คงเป็นเรื่องของการลำดับเรื่องเหมือนกัน แม้ว่าเรื่องเล่าจะพลิกผันกันไปมา ทำให้ดูลุ้นดูสนุกในภาพรวม แต่เอาเข้าจริงในแต่ละฉากเองก็กลับมีการทิ้งเวลานานเกินไปหน่อย จำนวนช็อตเยอะมาก ตัดไปตัดมา ขยี้ทุกอารมณ์จนน่าเบื่อ และทำให้คนดูสมองล้าเกินเหตุ นานเข้าก็กลายเป็นว่าไม่ได้ล้าเพราะเนื้อเรื่องมันหนัก แต่ล้าเพราะเริ่มเบื่อกับความพยายามขยี้แต่ละฉากแทน โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ดูแบบยิงยาวแบบผม บอกได้เลยว่ามีบางช่วงท้อจนเกือบทิ้งเหมือนกัน แล้วไหนจะว่าซีรีส์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเจ็บปวดของผู้หญิ
ทั้งเรื่อง ประเด็นหลักของเรื่องก็ไม่ได้ต่างจากละครไทยบ้านเราเท่าไหร่นัก ภาพรวมที่กล่าวมาทั้งหมดจึงทำให้ผมเชื่อว่ามันยิ่งทำให้ผู้ชายได้เข้าถึงอารมณ์เรื่องได้แค่ปลายๆ คือดูเพื่อทำความเข้าใจได้ แต่ถามว่าสนุกไหม? อันนี้คงแล้วแต่คน (เอาจริงๆ คือคนที่ไม่ชอบดูเรื่องผัวๆ เมียๆ อย่างไงก็คงไม่แวะเวียนมาชมเรื่องนี้อยู่แล้ว) และอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบก็คือเพลงประกอบหลักสุดลุ้นระทึกของเรื่องนั้นทำออกมาเวอร์เกินเบอร์ไป ไม่ต่างจากที่บ้านเราใช้เพลงจากหนังแบทแมนมาประกอบตอนผู้หญิงในละครตบตีกันเท่าไหร่
Comments
Post a Comment